“ข้อมูลส่วนบุคคล”
หมายถึง
ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อ นามสกุล อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล”
หมายถึง
บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล”
หมายถึง
บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล”
หมายถึง
บุคคลใด ๆ ที่ข้อมูลซึ่ง บสย. เก็บรวบรวมนั้นระบุหรือเชื่อมโยงถึง
“บุคคล”
หมายถึง
บุคคลธรรมดา
“บสย.”
หมายถึง
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
“บุคลากรของ บสย.”
หมายถึง
คณะกรรมการ คณะกรรมการย่อยชุดต่าง ๆ ที่ปรึกษา
ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง และผู้ที่ทำงานหรือปฏิบัติงานให้กับ บสย. ด้วยมีข้อตกลงของสัญญาให้มาปฏิบัติงาน
นโยบายนี้ใช้บังคับกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่ บสย. มีปฏิสัมพันธ์ ทั้งในด้านการให้บริการค้ำประกันสินเชื่อแก่ภารธุระอุตสาหกรรมขนาดย่อมกับบุคคลภายนอก และการให้บริการภายใน โดยรวมถึง
บสย. จัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีขอบเขตและวิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นธรรม และจำเป็นแก่การให้บริการตามวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งประกาศและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ในกรณีอื่น บสย. จะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนทำการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล หากภายหลัง บสย. มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บสย. จะขอความยินยอมหรือแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบไม่น้อยกว่า 30 วัน ตามช่องทางที่เหมาะสม
ทั้งนี้ บสย. จะจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้ด้วยมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมตามประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดทำและเก็บรักษาบันทึกรายการของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่อง มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงนโยบายและแนวปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนด หรือในกรณีอื่นตามที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้
-
การแจ้งรายละเอียดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บสย. จะแจ้งรายละเอียดการจัดเก็บรวบรวม ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล ตามฐานการประมวลผลโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามสัญญา การปฏิบัติตามกฎหมาย ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ภารกิจของรัฐ และการศึกษาวิจัย ต่อเจ้าของข้อมูลก่อนทราบหรือขณะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลถึงรายละเอียด ดังต่อไปนี้ เว้นแต่การแจ้งข้อมูลกรณีที่ได้รับข้อมูลมาจากแหล่งอื่นตามนโยบายนี้ ให้ดำเนินการภายใน 30 วันนับแต่วันที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
- วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมเพื่อนำไปใช้หรือเปิดเผย ตามฐานการประมวลผลข้อมูลที่กำหนดไว้ทุกกรณี และรวมถึงการประมวลผลข้อมูลที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายนี้
- แจ้งให้ทราบถึงกรณีที่ต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเข้าทำสัญญา รวมถึงผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล
- แจ้งกำหนดระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูลตามที่กำหนดไว้ในประกาศ
- ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจจะถูกเปิดเผย
- ข้อมูลเกี่ยวกับ บสย. สถานที่ติดต่อ วิธีการติดต่อ และบุคคลที่เป็นตัวแทนของ บสย. ที่มอบหมายให้ติดต่อ รวมถึงเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้
ทั้งนี้ ช่องทาง รูปแบบ และรายละเอียดการแจ้งวัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประกาศ เรื่อง การแจ้งรายละเอียดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)
ในกรณีที่ บสย. มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งไว้ตามวรรคหนึ่ง หรือที่นอกเหนือจากความยินยอมใดๆ ที่ได้ให้ไว้แก่ บสย. ตามที่กำหนดไว้ จะต้องดำเนินการให้มีการแจ้ง และ/หรือขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวทุกครั้ง
-
ข้อจำกัดในการเก็บรวมรวม การใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บสย. จะกำกับดูแลบุคลากรของ บสย. มิให้มีการเก็บรวบรวม การใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
- เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่ง บสย. จำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย โดยรวมถึงการประมวลผลข้อมูลเพื่อการติดตามตรวจสอบหรือเพื่อการส่งข้อมูลตามกฎหมายของหน่วยงานราชการและหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และศาล เป็นต้น
- เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น ซึ่งเป็นข้อมูลอันเนื่องจากการประกอบกิจการของ บสย. และรวมถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลด้วยการว่าจ้างผู้ให้บริการภายนอกเพื่อการพัฒนาระบบสารสนเทศต่างๆ ทั้งนี้ ผู้ให้บริการภายนอกดังกล่าวจะลงนามข้อตกลงการรักษาความลับของ บสย. และปฏิบัติตามนโยบายและแนวปฏิบัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ บสย.
- เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของ บสย. ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการของ บสย. เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- เป็นไปเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
- ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อการประมวลผลข้อมูลในบางกรณี เช่น การขอความยินยอมเพื่อตอบแบบสอบถามหรือแบบสำรวจความคิดเห็น เป็นต้น
-
มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและคุณภาพของข้อมูล
- บสย. ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล จึงกำหนดมาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตามตามประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่องมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงนโยบายและแนวปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของ บสย.
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ บสย. ได้รับมา เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลทางการเงิน เป็นต้น ซึ่งสามารถบ่งบอกตัวบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ และเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความถูกต้อง บสย. จะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินกิจการของ บสย. และปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดทำและเก็บรักษาบันทึกรายการของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่องมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงนโยบายและแนวปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของ บสย.
-
การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ บสย. จะดำเนินการตรวจสอบเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกี่ยวกับการละเมิดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสม บรรเทาผลกระทบ และป้องกันเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ในกรณีที่สมควรตามสภาพและความร้ายแรงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะแจ้งเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลไปยังเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
-
การเปิดเผยการดำเนินการที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
บสย. จะเปิดเผยการดำเนินการที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทางเว็บไซต์ของ บสย.
www.tcg.or.th
-
สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม
การใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพิกถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้ตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ บสย. จะต้องเพิกถอนความยินยอมทุกกรณี และจะต้องดำเนินการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงผลกระทบจากการถอนความยินยอม ณ ขณะที่แจ้งผลการขอเพิกถอนความยินยอม
-
สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่จะขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตน และมีสิทธิที่จะร้องขอให้ บสย. เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลของตน โดย บสย. อาจใช้สิทธิปฏิเสธคำร้องขอดังกล่าวได้ หากเป็นกรณีที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือเป็นกรณีที่อาจส่งผลกระทบและก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
-
สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่จะร้องขอให้ บสย. แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลได้ เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนนั้น ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
-
สิทธิในการโอนถ่ายข้อมูล
ในกรณีที่ระบบหรือมีการทำให้ข้อมูลของ บสย. รองรับการอ่านหรือการใช้งานโดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ รวมถึงขอให้มีการโอนถ่ายข้อมูลดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยอัตโนมัติได้ และขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการส่งหรือโอนดังกล่าวได้
-
สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของตน เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เฉพาะกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้เท่านั้น
- เมื่อหมดความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์
- เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายนี้
- เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลคัดค้านการประมวลผลข้อมูลกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลตามนโยบายนี้ และไม่มีเหตุปฏิเสธ หรือ
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่มีฐานการประมวลผลข้อมูล หรือความยินยอมตามนโยบายนี้
-
สิทธิในการระงับใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ บสย. ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ดังนี้
- เมื่อ บสย. อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล ตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้องตามนโยบายนี้
- เมื่อเป็นข้อมูลที่ต้องลบหรือทำลายตามนโยบายนี้ และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลขอให้ระงับการใช้ข้อมูลแทน
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลขอให้ บสย. เก็บรักษาข้อมูลไว้ก่อน เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
- เมื่อ บสย. อยู่ในระหว่างการพิสูจน์การเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามข้อยกเว้นจากคำขอคัดค้านของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายนี้ หรืออยู่ระหว่างตรวจสอบการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
-
สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่จะคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตนได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
- เป็นข้อมูลที่ บสย. ได้มีการเก็บรวมรวมข้อมูลดังกล่าว จากความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของ บสย. หรือจากการปฏิบัติหน้าที่ของ บสย. ตามคำสั่งของรัฐ หรือจากความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของ บสย.
บสย. อาจปฏิเสธคำร้องขอตาม (1) ได้ หากพิจารณาเห็นว่า การคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จะส่งผลให้ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด หรือเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
- เป็นกรณีที่ บสย. ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาด
- เป็นกรณีที่ บสย. ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยในด้านต่าง ๆ ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ซึ่งรวมถึงทางสถิติ
ทั้งนี้ ในการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บสย. อาจปฏิเสธคำขอในกรณีที่ บสย. ได้ปฏิบัติตามพันธกิจหรือตามที่กฎหมายกำหนด หรือข้อมูลดังกล่าวถูกทำให้ไม่ปรากฏชื่อหรือบ่งบอกลักษณะที่ทำให้สามารถระบุถึงตัวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ซึ่งกรณีปฏิเสธดังกล่าว บสย. จะจัดทำบันทึกคำชี้แจงให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบด้วย
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ บสย. เพื่อยื่นคำร้องขอตามสิทธิข้างต้น โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ สามารถ Download
“แบบคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” และส่งแบบฟอร์มที่กรอกข้อความแล้วทางอีเมล dpo@tcg.or.th
ในกรณีที่มีเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยสามารถ Download
“แบบฟอร์มบันทึกการแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล” และส่งแบบฟอร์มที่กรอกข้อความแล้วทางอีเมล dpo@tcg.or.th
ช่องทางการติดต่อ ดังต่อไปนี้
- บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม อาคารชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 ชั้น 16-18
เลขที่ 2922/243 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ
เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
- โทรศัพท์ 0-2890-9988
- โทรสาร 0-2890-9900 , 0-2890-9800
- อีเมล์ dpo@tcg.or.th
- เว็บไซต์ www.tcg.or.th
การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บสย. จัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล และตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ซึ่งระบุไว้ในภาคผนวกของนโยบายนี้
การทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บสย. กำหนดให้มีการทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้นโยบายฯ มีความสอดคล้อง ถูกต้องตามกฎหมาย และเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติที่ดียิ่งขึ้น